วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เชียร์ ต่อไป ไม่มี ท้อ กับ ทีมชาติไทย


  แหม๋...คอลัมน์ของผมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่คาดคิดว่าจะแร๊งงง...!! ขนาดนี้... แต่อยากจะชี้แจ้งสักนิดครับเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ผู้อ่านบางท่านที่เอาเนื้อหาในคอลัมน์ไปคอมเม้นต์ในมุมมองต่างๆ ผมบอกตรงนี้เลยว่า "เชิญได้ตามสบาย"
          เพราะนั่นคือสิทธิ์ของแต่ละคนที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันไปตามความคิดเห็นของใครของมัน...อันนี้ไม่ว่ากันครับ หากจะมีคนมองต่างจากผม

          แต่ขอสักนิดกรุณาอ่านและทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อออกไปด้วย เพราะหลายคอมเม้นต์ก็จ้องจะ "ด่า" กันอย่างเดียว ออกตัวก่อนเลยว่า ผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้อยู่ในกระบวนการอะไรของใครทั้งนั้น ผมมีจุดยืนของผม ฉะนั้นต่อไปหากใครได้สัมผัสมุมมองของผมอีกครั้ง โปรดหายใจเข้าลึกๆ และเปิดใจให้กว้างก่อนอ่าน นึกทุกครั้งว่าทั้งคุณและผมก็อยากจะช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทยเหมือนๆ กัน

          และสุดท้าย ผมคือ "มด สุรเดช มั่นวิมล" นะครับ เห็นหลายคนไปลาก พี่มาร์ค สุรเดช สันติเลิศประภพ มาปู้ยี่ปู้ยำ (แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตั้งใจอ่านงานผมม๊ากมาก555) ต้องขออภัยพี่มาร์คที่สร้างความเดือดร้อนให้พี่แบบไม่ได้ตั้งใจด้วยนะครับ...

          มาว่าถึงสัปดาห์นี้กันบ้าง ช่วงนี้ยังคงต้องเกาะติดทีมฟุตบอลทีมชาติไทยกันต่อ เพราะมีรายการสำคัญอย่างฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ2015 รอบคัดเลือกให้ได้ลุ้นกัน

          ใครได้ติดตามข่าวสารของ 'ทีมไทย' คงจะพอทราบนะครับว่ามีปัญหาเยอะแยะมากมายให้หนักอกหนักใจก่อนเกมนัดแรกที่จะพบกับ ' คูเวต ' ในบ้านของตัวเอง ทั้งเวลาการเก็บตัวฝึกซ้อมที่น้อย, ไม่มีเกมอุ่นเครื่องที่เข้มข้น, มีนักเตะตัวหลักของทีมติดโทษแบนมาจากการแข่งขันรายการอื่นแต่เพิ่งจะมารู้ก่อนแข่งไม่กี่วัน , เฮดโค้ชไม่พอใจการบริหารจัดการของสมาคมฟุตบอลฯ , ปัญหาสนามที่ไม่พร้อมเต็ม 100 สำหรับการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งตั๋วเข้าชมเกมก็ไม่ได้ขายตามกำหนดที่วางเอาไว้ ฯลฯ


          เฮ้ออออ...ฟุตบอลไทยช่วงนี้มีแต่เรื่องให้ต้องถอนหายใจ เพราะเรื่องแย่ๆ เยอะเหลือเกิน จนอดห่วงไม่ได้ว่าจะส่งผลต่อผลการแข่งขันในสนามมากน้อยเพียงใด  ในขณะที่เรายังวุ่นวายกับการจัดระเบียบความพร้อมของทีมชาติตัวเองทั้งในและนอกสนามอยู่นั้น รู้หรือไม่ว่าเพื่อนร่วมกลุ่มบีในรอบคัดเลือกเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ เขาน่ากลัวกันขนาดไหน ผมจะมาไล่เรียงให้ติดตามกันครับ


          เริ่มต้นกันด้วย "คูเวต" ทีมที่เราจะได้ประเดิมก่อนในวันพุธที่6กุมภาพันธ์นี้ ทีมอันดับที่120ของโลก และที่15ของเอเชีย แม้นักเตะชุดปัจจุบันส่วนใหญ่จะเล่นในลีกบ้านเกิดของตัวเอง แต่ความเขี้ยวลากดินของทีมนี่บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะนี่คือทีมที่ครองแชมป์ "กัลฟ์คัพ" มากที่สุดถึง 10สมัย จาก21 ครั้งที่จัดการแข่งขัน โดยการแข่งขันครั้งล่าสุดที่เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ ที่บาห์เรน พวกเขาคว้าอันดับที่ 3 ไปครอง

          ส่วนผลงานในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ เพราะได้ลุ้นจนถึงแมตช์สุดท้าย โดยมีผลงานตบยูเออีทีมท็อปเทนของเอเชียแบบไป-กลับ และมีเกมในบ้านที่แข็งแกร่งแถมเสียประตูยากเป็นเครื่องการันตีความเจ๋งอีกด้วย

คูเวต
 คูเวต
          มาต่อกันที่ "เลบานอน" ทีมที่ถูกจัดอยู่ในโถที่4 ในการแบ่งกลุ่มเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ แต่ดูจากผลงานช่วงนี้ต้องบอกเลยว่า "ไม่ธรรมดา" ปัจจุบันยึดอันดับที่ 130 ของแรงกิ้งฟีฟ่า โดยอยู่อันดับที่17ของเอเชีย ซึ่งฟุตบอลโลก2014 รอบคัดเลือก ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขาที่ทะลุมาถึงรอบ 10ทีม สุดท้าย โดยฝากผลงานไม่แพ้ใครในบ้านแถมคว่ำเกาหลีใต้ในรอบคัดเลือกรอบแรกได้อีกด้วย

         ไม่น่าเชื่อว่าเลบานอนจะเคยเล่นเอเชี่ยนคัพรอบสุดท้ายเพียงแค่ครั้งเดียว คือในปี2000 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ แต่ดูพัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งก็ไม่น่าแปลกใจหากเลบานอนจะสามารถกรุยทางสู่รอบสุดท้ายได้เป็นครั้งที่สองในการแข่งขันครั้งนี้
เลบานอน
 เลบานอน
          ปิดท้ายด้วยทีมยักษ์ใหญ่ที่สุดในสายบีอย่าง "อิหร่าน" ยอดทีมที่ห่างหายความสำเร็จไปเนิ่นนาน กับการคุมทีมชุดนี้ของ "คาร์ลอส เคยรอส" อดีตมือขวาเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน และนายใหญ่ยอดทีมของโลกอย่างเรอัล มาดริด ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นตีตั๋วไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิล หลังพลาดท่าอดไปเล่นเวิลด์คัพที่แอฟริกาใต้ในปี 2010

          งานของกุนซือชาวโปรตุกีสนอกจากจะต้องพาทีมไปเล่นบอลโลกให้ได้แล้ว เอเชี่ยนคัพหนนี้ก็น่าจะเป็นบทพิสูจนฝีมือของเขาเช่นกัน เพราะอิหร่านห่างหายจากแชมป์รายการนี้มาแล้วกว่า 40 ปีแล้ว ดังนั้นขึ้นว่าอิหร่านที่เป็นทีมอันดับที่5ของเอเชีย ไม่ว่าจะอยู่ในฟอร์มใดก็ยังน่ากลัวเสมอ
คาร์ลอส เคยรอซ
คาร์ลอส เคยรอซ 
          เห็นแล้วนะครับว่าสามทีมจากตะวันออกกลางเพื่อนร่วมสายของเราแข็งแกร่งและเก่งกาจเพียงใด หากมองกันตามเนื้อผ้าทีมไทยเป็นรองทุกทีมในกลุ่มบีแน่นอน ไม่ว่าจะวัดกันด้วยแรงกิ้งของฟีฟ่า ผลงานในการแข่งขันในช่วงที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งความพร้อมของทีม

          ฉะนั้นการเตรียมทีมทั้งในและนอกสนามคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีลุ้นในการต่อกรกับทีมเหล่านี้ เพื่อเดินตามเส้นทางเข้าสู่รอบสุดท้ายที่ประเทศออสเตรเลียในปี 2015  ให้จงได้

          แฟนบอลชาวไทยต้องคอยให้กำลังช่วยทีมชาติของเรานะครับ โดยโปรแกรมของทีมชาติไทยหลังจบเกมแรกที่เปิดบ้านพบ "คูเวต" ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ แล้ว เราจะออกไปเยือน "เลบานอน" ในวันที่ 22มีนาคม ก่อนจะไปพบกับ "อิหร่าน" สองนัดคือไปเยือนในวันที่ 15 ตุลาคมและเล่นในบ้านวันที่ 15 พฤศจิกายน ต่อด้วยเกมนัดที่ห้าจะไปเยือน "คูเวต" ในวันที่ 19 พฤศจิกายน และปิดท้ายด้วยการเล่นในบ้านพบกับ "เลบานอน" ในวันที่ 5 มีนาคม 2014

          รู้ว่าช่วงนี้แฟนบอลได้รับทราบปัญหาต่างๆ ของทีมไทยจนเริ่มเกิดอาการเบื่อหน่าย... 
      
     แต่ขึ้นชื่อว่าทีมชาติไทย หากคนไทยไม่เชียร์ แล้วใครจะเชียร์ จริงไหมครับ...
??

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น